ราคา Ethereum วันนี้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสัญญา Smart contract ชั้นนำได้พุ่งทะลุ 2,500 ดอลลาร์อย่างรุนแรง หลังจากที่ Berlin hard fork ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ราคาของเหรียญอันดับ 2 ของโลกนั้นดูเหมือนว่าเพิ่งจะทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยได้ทะลุจุดสูงสุดเก่าที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ 2,475 ดอลลาร์อย่างรุนแรงไปแล้ว
Ethereum พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
กราฟ ETHUSD จาก TradingView เผยให้เห็นว่า ETH price THB ของเหรียญ Ethereum นั้นได้พุ่งไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 2,549 ดอลลาร์เมื่อช่วงเช้า โดยเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 2,475ของเมื่อช่วงวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของราคาในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่ Berlin Hard Fork ของ Ethereum blockchain ใกล้เข้ามา โดยการอัปเกรดดังกล่าวจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเครือข่ายสำหรับการอัปเกรดครั้งใหญ่อย่าง London hard fork ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ซึ่งรวมถึงข้อเสนอ Ethereum Improvement Proposals (EIPs) ที่จะมาพร้อม ๆ กัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขียนรายงานอยู่นี้ราคาของ Ethereum ได้ปรับตัวลงเล็กน้อยและมีการ ซื้อ Ethereum ขายกันอยู่ที่ระดับ 2,400 ดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap
เครื่องขุด Ethereum ตัวใหม่ของ Bitmain อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาการ์ดจอขาดแคลนได้
เครื่องขุด Ether ASIC รุ่นใหม่กำลังจะมีการเปิดตัว แต่จะช่วยบรรเทาปัญหา GPU ของ Nvidia ได้หรือไม่?
Bitmain บริษัทผลิตเครื่องขุดคริปโตเคอร์เรนซี่ได้ประกาศว่า จะเปิดตัวเครื่องขุด Ether (ETH) รุ่นใหม่ในวันที่ 16 เมษายน รุ่น Antminer E9 ซึ่งเป็นชิปวงจรรวมเฉพาะแอปพลิเคชัน ซึ่งจะทำงานบนอัลกอริทึม Ethash ของ Ethereum blockchain
ราคา Ethereum วันนี้ ยังไม่มีการประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ E9 อย่างไรก็ตามเครื่องขุดรุ่นใหม่ที่ออกมาอาจไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากอุปกรณ์นี้ต้องเจอกับการแข่งขันใน GPUs CMP ( Cryptocurrency Mining Processor) ของ Nvidia ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขุดคริปโต ในขณะเดียวกัน Ethereum มีกำหนดย้ายออกจาก proof-of-work ไปสู่กลไกฉันทามติ proof-of-stake ซึ่งอาจหมายความว่าการใช้งานของ E9 อาจมีอายุการใช้งานสั้นลง Nvidia เพิ่งประกาศว่า CMP range อาจจะทำกำไรได้ 150 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี ซึ่งมากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกถึงสามเท่า
แม้จะได้รับความนิยมอย่างเห็นได้ชัดของกราฟิกการ์ดเฉพาะสำหรับคริปโต แต่ผู้บริหารฝ่ายการเงินของ Nvidia อย่าง Colette Kress กล่าวกับนักลงทุนในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทคาดว่าปัญหาการขาดแคลน GPU จะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงที่เหลือของปี แม้ว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นก็ตาม Kress กล่าวกับ The Verge ว่า “เราคาดว่าอุปสงค์จะยังคงมากกว่าอุปทานในปีนี้ และเราจะเห็นอุปทานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งไตรมาสนี้และตลอดทั้งปี” Nvidia พยายามที่จะตอบสนองต่อความต้องการ GPU จากฐานลูกค้าเกม เนื่องจากนักขุดจะใช้การ์ดเพื่อขุด Ether และคริปโตเคอร์เรนซี่อื่น ๆ ปรากฏการณ์การขาดแคลนอุปทานของ Nvidia เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2017 เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วได้ดึงดูดผู้คนให้เข้าสู่การขุดคริปโตมากขึ้น แม้ว่าจะลดลงไปบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาการขาดแคลน GPU ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2020 และไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง Nvidia ยังประกาศเมื่อวันที่ 15 เมษายนถึงการเปิดตัว RTX 3060 สำหรับเวอร์ชั่น anti-crypto mining รุ่นใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวกราฟิกการ์ด RTX 3060 ที่มีตัว built-in limiter ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อทำการขุดคริปโตเคอร์เรนซี่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการแยกความต้องการในการเล่นเกมและการขุดออกจากกัน
การเปิดตัว E9 ของ Bitmain เพราะ Ethereum จะย้ายไปสู่ proof-of-stake ในปีหน้า
ในขณะที่การเปิดตัว E9 ของ Bitmain อาจดูเหมือนช้าไปเล็กน้อย เนื่องจาก Ethereum จะย้ายไปสู่ proof-of-stake ในปีหน้า เวลาที่จำกัดในการขุด ETH อาจส่งผลให้อุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักขุดพยายามสะสมเป็น ETH ให้มากที่สุดก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลง มูลค่าตลาดของ Bitcoin และ Ethereum ใกล้จะแซงหน้าตลาดแร่เงินแล้ว มูลค่าทางตลาดของ Bitcoin และ ethereum รวมกันใกล้จะแซงหน้าตลาดโลหะเงิน ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกแล้ว มูลค่าตลาดของ Bitcoin ในปัจจุบันอยู่ที่ 1,095 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ ethereum อยู่ที่ 240 พันล้านดอลลาร์ โดยทั้งคู่มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ประมาณ 1.33 ล้านล้านดอลลาร์
ปัจจุบันมีการค้นพบแร่เงินจำนวน 1,740,000 เมตริกตันจากการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งราคาที่ 813.41 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม คูณด้วย 1,740 ล้านกิโลกรัม ทำให้โลหะเงินมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับโลหะเงิน มูลค่าของ Bitcoin และ eth รวมกัน จึงอาจกลายเป็นสินทรัพย์ตัวแรกในโลกที่แซงหน้าเงินสินค้าโภคภัณฑ์เก่าแก่ของชาวมิลเลนเนียลได้
Bitcoin ยังต้องเพิ่มมูลค่าตลาดอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 27% เพื่อแซงหน้าโลหะเงินไปให้ได้ ซึ่งนั่นจะทำให้ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 74,000 ต่อเหรียญ ซึ่งอาจเป็นแนวต้านถัดไป หากราคาสามารถทะลุเหนือ 60,000 ดอลลาห์ได้
การองมูลค่าตลาดของทอง
อย่างไรก็ตามนัก Bitcoin กำลังจับตามองมูลค่าตลาดของทองคำ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านดอลลาห์ และต้องการราคาประมาณครึ่งล้านต่อ bitcoin สำหรับเงินนั้น eth อาจสามารถแซงหน้าได้ในราคาที่ประมาณ 15,000 ดอลลาห์ต่อ ethereum หรือราคาที่เพิ่มขึ้นแปดเท่าจากระดับราคาปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bitcoin ถูกบางคนมองว่าดีกว่าทองคำซะอีก ซึ่งนาย Charles Morris จาก ByteTree Asset Management Ltd. กล่าวว่า “Bitcoin ดูเหมือนจะมีครบทุกอย่าง” มันเป็นเหมือนหุ้นเติบโต รวมถึงป้องกันอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นบทบาทของทองคำแบบดั้งเดิม หากราคา bitcoin สามารถไปถึงระดับดังกล่าวได้ ethereum คืออะไร ก็อาจจะเข้ามามีบทบาทแทนเงิน โดยทำหน้าที่ทั้งแทน bitcoin และสินทรัพย์ที่ใช้งานได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามทั้งทองและเงินจะยังคงมีบทบาทต่อไปไม่น้อยสำหรับแหวนแต่งงาน แต่คุณไม่สามารถซื้อ NFT ที่ยอดเยี่ยมด้วยทองคำได้ และคุณไม่สามารถ bot หลักประกันจากทองคำหรือเงินได้ แต่คุณสามารถใช้ bitcoin หรือ eth ใน defi ได้ เช่นเดียวกับทองและเงิน ทั้ง bitcoin และ eth มีกรณีการใช้งานพื้นฐานเหมือนกัน ไม่ว่าจะเพื่อการค้าระหว่างประเทศ หรือการซื้องานศิลปะดิจิทัล
เมื่อมาถึงบทบาทของการเป็นเงินนอกระบบ fiat system นั้น ค่อนข้างชัดเจนว่าทั้ง bitcoin และ eth ดีกว่าในเรื่องอุปทานที่จำกัด และด้านการใช้งานในขอบเขตดิจิทัลและในขอบเขตทางกายภาพ นอกจากนี้สามารถแบ่งได้ง่ายกว่ามาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอมแปลง รวมทั้งไม่สามารถชำรุดหรือแตกหักจากการขนส่ง นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น เนื่องจากมีแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนทั่วโลก
ดังนั้นอาจจะต้องรอเวลาเท่านั้นก่อนที่ bitcoin จะแซงหน้ามูลค่าตลาดของเงิน แต่จะสามารถแซงส่วนแบ่งตลาดของทองคำได้หรือไม่ก็ยังคงต้องจับตามองกันต่อไป
